วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๐ กรองฉันท์สวรรค์สุภะประพจน์
มธุรสะกำจาย
กล่าวความประนามและอภิปราย
รสะถ้อยระบิลมา
๐ เนื่องในสมัยศศิวิกรม
ชุติห่ม ณ เวหา
เพ็ญวาระกาลทวิทวา-
รสะเดือนประจวบกัน
๐ แผ่นน้ำ ณ ท่ามศศิรุจี
ชลธีรพีพรรณ
เต็มพิงตลิ่งอุทกะนั้น
กระแสะสรรค์ชลาชล
๐ ลมโชยประโปรยชละระลอก
ดุจะหยอกและยั่วยล
ชวนชื่นระรื่นกระแสะระคน
ระบุมนตระตรึงใจ
๐ รำวงกระทงนยะประจาค
ประลุภาคสว่างไป
แสงเทียนเฉวียนรุจิระไพ-
ฑุริย์พร่างและแพรวพราย
๐ ตั้งจิตและคิดอธิษะฐาน
อุปการมโนบาย
ว่าผู้ดนูจะสละหงาย
และเลาะร้ายกิเลสตน
๐ ตามธรรมพระสัมปรมะพุทธ
สุวิสุทธิ์นราชน
ขอลอยและสอยทุษะถลน
ดุจะเหมือนกระทงหนา
๐ อีกพร้อมจะน้อมพระธรรมะรัฐ
ปฎิบัติลุกาลมา
เพียงพัดขจัตกิเลสะสา-
วกมารมุนินทร
๐ หลังกรรมะนำนยะประจาค
และก็บากลุพักตร์จร
สู่ลานวิหารสุุระสมร
และสดับพระธรรมฉาย
๐ เรื่องราว ณ คราวจะพุทธะกาล
ระบุจาระรำบาย
แห่งพุทธะบุตระขยาย
ธิระฉายประเจิดสรร
๐ นามสาริบุตรสุคตะผู้
ธิระรู้คระลองธรรม์-
กอปรญาณวิสุทธิคุณะนัน-
ตะมหรรณพากร
๐ ปัญญาสภาวะรวิโรจน์
จะเลาะโฉดกิเลสจร
มืดมนและอนธกสะท้อน
ก็จะถอนและหลุดพ้น
๐ วันชื่นและคืนศศิวิสุทธิ์
ธ ก็หยุด ณ ห้องหน
ด้วยโรควิโยคประทุษะกล
ขณะพักและผ่อนมาน
๐ มารดาก็พาประทุษะโศก
และวิโยควิกลการ
ด้วยบุตระสุดปิยสถาน
สิเลาะรวนและป่วยกาย
๐ เทวาก็สาวกสถิต-
ยะประสิทธิ์สฤษฎ์ราย-
ทิพย์โอฬะพารุจิระฉาย
อุปฐากเสนอพลัน
๐ ท่านธีระเสนะบดีธรรม
พจคำ ณ จำนรร-
จาว่าก็อาตมะแหละนั้น
อุปฐากสิมีมา
๐ ไป่ควรอมรละทิพอาส-
นะนิวาสะเทวา
ด้วยรสสุคนธ์มนุษยา
สุรกามิยินดี
๐ ย่อมมาดปลาตก็เพราะแขยง
รสะแห่งมนุษย์มี
เทพแย้งเพราะแรงศิละพลี
กวะปรีชะญาณคุณ
๐ แห่งสาวกาสุคตบุตร
บริสุทธิการุณ
ย่อมอาจจะฆาตพหุละสุน-
ทรเบื้องสุคนธรรม์
๐ ถึงท่านธิราธรรมะบดี
พจนียะยืนยัน
ให้กลับนิวาสอมรนั้น
ธ ก็จึงจะโอนตาม
๐ ซึ่งเทพอมรรุจิระแสง
กระจะแจ้งนิวาสคาม
มารดาพระธรรมธิระก็ถาม
กวะนั่นสิแสงใด
๐ ไพลาศนิวาสชุติระห่ม
รุจิชมอร่ามไป
แพรวพรายผกายนัยนะไข
ดนุฉันมิเคยเห็น
๐ ถึงท่านธิราธรรมะบดี
พจนียะตอบเป็น
ความว่าแน่ะมาตะก็จะเห็น
สุระแห่งพระองค์อินทร์
๐ พราหมณีสะรีก็ประลุสง-
สัยะลงเพราะได้ยิน
บุตรตนแหละผู้อธิบดิน-
ทรยิ่งกว่าเทวัญ
๐ ยินดีและปีติมนะสุข
และเลาะทุกข์สิโดยพลัน
ท่านสาริบุตระก็มั่น
จะขยายพระธรรมพร
๐ ด้วยพุทธะคุณแหละก็สนาน
ระบุจาระธรรมสอน
เมื่อจบพระธรรมะอนุสรณ์
ก็ประจบ ณ โสดา
๐ เป็นผู้มิต้องประทุษะมาร
นรกานต์นิรันดร์มา
จักเที่ยงและจักประลุ ณ ภา-
วะวิมุตติสุขแล
๐ บัดนั้นก็พลันรวิจะฉาย
ทินะกลายลุวารแปร
ถึงท่านธิรานะบดิแม้
จะมลาภิขูสงฆ์
๐ ว่ากาละวารอธิกะทิน
กรผินอำไพลง
แม้นมีธุลีจะเสาะและหลง
ดนุฉันก็ยกกัน
๐ จากนั้นก็พลันปรินิพาน
ประลุวารอำไพพรรณ
แห่งผู้ธิรานบดีธรร-
มะพิชาญชญานินทร์
๐ ดูเถิดนะท่านปิยสหาย
ภวะตาย ณ กายิน
จวบคู่นราชนและสิ้น
และจะเว้นก็ไป่มี
๐ สังขาระพาทุขะมิสุด
และมิหยุด ฤ รอรี
ควรเราจะเอาธรรมะวิถี
กวะที่ประพฤติธรรม
๐ รักษาทวาระนะวิสัย
สติไว้กะใจนำ
แตกสายมลายกิเลสะชำ-
ระกะธรรมมุนีนา
๐ นายเรือสิเพื่อจะจรลี
ชลธีอุทกมา
ไป่หลับและพับ ณ พะกะคา
สิก็ได้สวัสดี
๐ ขอท่านสดับพิเคราะหะธรรม
ตละคำเหมาะควรชี-
วาผู้จะชูพิชญะมี
ธรรมะนี้ประเสริฐครัน
๐ ขอให้หทัยมนะพิสุทธิ์
และเลาะหลุดกิเลสพลัน
พานพบประสบนิรุธะมั่น
ลุวิมุตติสุขเทอญ ฯ